Powered By Blogger

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Web server คือ

Web server คือโปรแกรมที่อยู่และทำงานบนเครื่องฝั่ง Server (Host) ทำหน้าที่ในการรับคำสั่งจากการร้องขอของฝั่ง Client (โดยผ่านทาง Browser) และประมวลผลการทำงานจากการร้องขอดังกล่าว แล้วส่งข้อมูลกลับไปยังเครื่องของ Client ที่ร้องขอ สรุปง่ายๆ ก็คือ Web server คือโปรแกรมที่คอยให้บริการแก่ Client ที่ร้องขอข้อมูลเข้ามาโดยผ่าน Browser เว็บที่เขียนด้วย ASP นั้นจะทำงานได้ก็จะต้องมี Web server เป็นตัว Run อีกทีหนึ่ง ดังนั้นถ้าเราต้องการให้เครื่องของเราสามารถ Run ASP ได้เราจะต้องจำลองเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราให้เป็น Server โดยใช้โปรแกรม Web Server ดังที่กล่าวข้างต้น ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณใช้ Window 95,98 หรือ Win Me Web server ที่คุณต้องใช้คือ Personal Web Server (PWS) แต่ถ้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณใช้ Window NT,Window 2000 หรือ XP Web Server ที่ใช้คือ Internet Information Server (IIS)

http://tipanancomsci.multiply.com/reviews/item/1

FTP คือ

FTP คือ

FTP ย่อมาจาก File Transfer Protocal เป็น Protocal ที่ใช้ ในการส่งไฟส์ เป็นบริการคัดลอกข้อมูลข้ามเครือข่าย โดย ใช้ในการส่งข้อมูลจากเครื่องลูกไปยังเครื่องแม่ข่าย (Server) ใช้ในการดาวน์โหลดข้อมูล จากเครื่องแม่ข่าย มาไว้ที่เครื่องลูก การใช้บริการ FTP สามารถทำได้ทั้งผู้ที่เป็นสมาชิก FTP Server และบุคคลภายนอก ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก โดยสามารถเข้าไปใช้บริการได้ (บางประเภท) ในนาม anonymous ปัจจุบันการใช้บริการ FTP สามารถทำได้ทั้งในรูปแบบ Text Mode ผ่าน Unix ด้วยคำสั่ง get, put หรือ Graphics Mode ผ่าน Microsoft Windows เช่น การใช้โปรแกรม WinFTP Light, CuteFTP

การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบ FTP หมายถึง การดาวน์โหลด หรือย้ายไฟล์ในระบบอินเตอร์เน็ตมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกันก็สามารถนำไฟล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปไว้ในพื้นที่เก็บข้อมูลโดยผ่านโปรแกรม FTP สามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้หลายประเภทแล้วแต่ว่าผู้ใช้จะต้องการใช้งานไฟล์ประเภทใด จุดเด่นสามารถนำไปใช้รวมกับระบบการการทำเว็บไซต์ , เป็นช่องทางเก็บหรือส่งข้อมูลหาลูกค้าหรือภายในองค์กรได้
จุดด้อย เรื่องการเข้าไปใช้งานส่วนใหญ่จะเป็น 1User /1Password เลยเป็นการจำกัดวงของการเข้ามาใช้




http://www.deelike.com/webboard/index.php?topic=293.0



HTML คือ

HTML คืออะไร



HTML (ชื่อเต็มคือ Hypertext Markup Language ภาษามาร์กอัปข้อความหลายมิติ) คือภาษามาร์กอัปออกแบบมาเพื่อใช้ในการสร้างเว็บเพจ หรือข้อมูลอื่นที่เรียกดูผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ เริ่มพัฒนาโดย ทิม เบอร์เนอรส์ ลี (Tim Berners Lee) สำหรับภาษา SGML ในปัจจุบัน HTML เป็นมาตรฐานหนึ่งของ ISO ซึ่งจัดการโดย World Wide Web Consortium (W3C) ในปัจจุบัน ทาง W3C ผลักดัน รูปแบบของ HTML แบบใหม่ ที่เรียกว่า XHTML ซึ่งเป็นลักษณะของโครงสร้าง XML แบบหนึ่งที่มีหลักเกณฑ์ในการกำหนดโครงสร้างของโปรแกรมที่มีรูปแบบที่มาตรฐานกว่า มาทดแทนใช้ HTML รุ่น 4.01 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

HTML ยังคงเป็นรูปแบบไฟล์อย่างหนึ่ง สำหรับ .html และ สำหรับ .htm ที่ใช้ในระบบปฏิบัติการที่รองรับ รูปแบบนามสกุล 3 ตัวอักษร

URL คือ

URL คืออะไร ?
URL ย่อมาจากคำว่า Uniform Resource Locator หมายถึงที่อยู่ (Address) ของข้อมูล
ต่างๆในอินเตอร์เนต ซึ่ง
รูปแบบของ URL จะประกอบด้วย
1. ชื่อโปรโตคอลที่ใช้ (http ซึ่งย่อมาจาก HyperText Transfer Protocol)
2. ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ และชื่อเครือข่ายย่อย (www/urlbookmarks)
3. ประเภทของเวบไซต์ (.com) ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภท คือ
3.1 ประเภทสากลเช่น
.com (Commercial)
.edu (Educational)
.org (Organizations)
.net (Network)
ฯลฯ
3.2 ประเภทท้องถิ่นจะมีชื่อย่อของแต่ละประเทศต่อท้ายด้วยเช่น
.th สำหรับประเทศไทย เช่น co.th, or.th, go.th ฯลฯ
.cn สำหรับประเทศจีน
.in สำหรับประเทศอินเดีย
.jp สำหรับประเทศญี่ปุ่น
ฯลฯ
4. ไดเร็กทอรี่ (/support/)
5. ชื่อไฟล์และนามสกุล (urlfaq.htm)

Browse คือ

Browser คืออะไร

อธิบายอย่างง่ายว่า Browser คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถท่องเที่ยวไปในโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร้ขีดกั้นทางด้านพรมแดน นอกจากนี้ Browser ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งในขณะนี้บริษัทผลิตซอฟแวร์ค่ายต่างๆ นับวันจะทวีการแข่งขันกันในการผลิต Browser เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่นักท่องเว็บให้มากที่สุด หน้าตาของ browser แตกต่างกันไปตามแต่การออกแบบการใช้งานของแต่ละค่ายโปรแกรม

โปรแกรม Browser ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่ Internet Explorer และ Nescape Navigator แม้ว่าโดยรวมแล้วทั้งสองมีหลักการทำงานที่ค่อนข้างคลายคลึงกัน แต่หน้าตาที่ผิดเพี้ยนกัน คือ ตำแหน่งเครื่องมือ และชื่อเรียกเครื่องมือ อาจทำให้คุณอาจเกิดการสับสนบ้าง หากว่าคุณใช้ Browser ค่ายใดค่ายหนึ่งเป็นประจำ วันหนึ่งคุณอาจสนใจหยิบ Browser ของอีกค่ายหนึ่งมาลองใช้งานดู ความสนุกในการท่องเว็บไซต์ของคุณอาจถูกบั่นทอนลง เพราะความไม่คุ้นเคยกับเครื่องมือ

เครื่องมือพื้นฐานประจำ Browser คุณต้องใช้
Internet Explorer
1. ปุ่มถอยหลัง (Back) ซึ่ง Internet Explorer เสริมความสะดวกในการใช้งานด้วยการแสดงรายชื่อเว็บไซต์ที่คุณได้เข้าไปเยี่ยมชมมาเมื่อครู่ ทำให้คุณสะดวกในการเลือกกลับไป โดยไม่จำเป็น ต้องคลิ๊กหลายครั้งให้เมื่อย โดยคลิกที่ลูกศรเล็กๆ ที่อยู่ด้านขวาของปุ่มกด
2. ปุ่มเดินหน้า (Forward) การทำงานเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับปุ่มถอยหลัง
3. ปุ่มหยุด (Stop) เป็นการสั่งให้ Browser หยุดอ่านเว็บเพจหน้าที่คุณกำลังเรียกใช้
4. ปุ่มเรียกใหม่ (Refresh) ถือเป็นปุ่มที่ใช้กันประจำ Browser หากคุณมีปัญหาในเชื่อมต่อเว็บไซต์ จนทำให้ Browser เกิดอาการตีรวน แสดงข้อความ บนหน้าจอว่า "The Page can not be displayed ..." คุณไม่ต้องตกใจว่าเครื่องของคุณเกิดปัญหา คุณเพียงแต่คลิ๊กที่ เท่านั้น หรือในการที่กำลังใช้อินเทอร์เน็ตแล้วผลที่ได้บนหน้าจอไม่ครบ หรือ การเรียกเว็บเพจที่เคยเปิดใช้งานมาแล้วและมีการปรับปรุงข้อมูลใหม่
5. ปุ่มกลับสู่มาตุภูมิ (Home) ใช้เมื่อคุณต้องการที่จะกลับไปยังเว็บไซต์แรก ซึ่งมักจะตั้งไว้ที่เว็บไซต์ของค่ายผู้สร้าง Browser คุณกำหนดการทำงานของปุ่มนี้ได้ โดยเข้าไปเปลี่ยนแปลงที่ Edit > Internet Option คลิ๊กเลือก General ปรับเปลี่ยนเว็บไซต์ Home page : address ตามประสงค์
6. ปุ่มค้นหา (Search) ใช้เรียกเว็บไซต์ที่ช่วยในการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
7. ปุ่มโปรดปราน (Favorites) ใช้สำหรับสะสมเว็บไซต์ที่คุณโปรดปราน
8. ปุ่มประวัติ (History) หากคุณต้องการดูว่าคุณได้ไปท่องที่เว็บไซต์ไหนมาแล้วบ้าง โปรดคลิ๊กที่นี่
9. ปุ่มสถานี (Channels) เรียกดูสถานีที่คุณได้สมัครเป็นสมาชิกไว้
10. ปุ่มเต็มตา (Fullscreen) เพื่อให้ Browser แสดงเว็บเพจให้เต็มหน้าจอ
11. ปุ่มส่งจดหมาย (Mail) เป็นการเรียกโปรแกรม Outlook Express เพื่อช่วยในการส่งจดหมายอิเล็คทรอนิคส์ (E-mail)
12. ปุ่มสั่งพิมพ์งาน (Print) ซึ่งจะเป็นการสั่งพิมพ์ทันทีโดยไม่แสดง Printer Dialog (สั่งพิมพ์ตามค่ากำหนดใน default printer) นอกจากนี้เรายังสามารถสั่งพิมพ์เว็บเพจที่ link จากเว็บเพจที่คุณสั่งพิมพ์ลงไปได้ 1 ชั้น และยังสามารถสั่งพิมพ์เว็บเพจที่แบ่งเป็นเฟรมได้อีกด้วย
13. ปุ่มแก้ไข (Edit) คุณสามารถเรียกแก้ไขเว็บเพจที่กำลังแสดงผลอยู่ทางหน้าจอได้ทันที โดยจะเรียกโปรแกรม FrontPage Express ซึ่งติดมาพร้อมกับ Browser หรืออาจเรียก โปรแกรมเวอร์ชั่นอื่นขึ้นมาแทน หากว่าเครื่องของคุณติดตั้งเวอร์ชั่นที่สูงกว่า
!! อย่าเพิ่งตกใจ หากหน้าจอคุณมีการแสดงผลที่ต่ำกว่า 800x600 จะมองไม่เป็นปุ่มที่ 12 และ 13 !!
14. แถบติดต่อ (Link Toolbar) เป็นแถบเก็บข้อมูลเว็บเพจที่ต้องการไปบ่อย ๆ ทำให้สะดวกในการใช้งาน
15. แถบตำแหน่งเว็บไซต์ (Address) สำหรับพิมพ์ตำแหน่งของเว็บไซต์ที่ต้องการติดต่อ โดยปกติจะนำหน้าด้วย http://www.ชื่อเว็บไซต์.domainname

Nescape Navigator
1. ปุ่มถอยหลัง (Back) หากคุณต้องการให้แสดงรายชื่อเว็บไซตืที่ไปมาแล้ว ให้กดปุ่มนี้แช่ไว้
2. ปุ่มเดินหน้า (Forward) การทำงานเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับปุ่มถอยหลัง
3. ปุ่มติดต่อใหม่ (Reload) เพื่อเชื่อมเว็บเพจอีกครั้งในกรณีที่ไม่สามารถแสดงผลทางหน้าจอ หรือแสดงผลไม่ครบ
4. ปุ่มกลับสู่มาตุภูมิ (Home) เพื่อกลับสู่เว็บเพจแรก

5. ปุ่มค้นหา (Search) โดย Nescape Navigator ได้ร่วมกับ Lycos,Yahoo,Exite,Infosee,Hotbot,WebCrawler,AOL โดยจะทำงานร่วมกันบน NetFind
6. ปุ่มสั่งพิมพ์งาน (Print)
7. ปุ่มรักษาความปลอดภัย (Security) เพื่อเรียกดูระบบการรักษาความปลอดภัยต่างๆ
8. ปุ่มหยุด (Stop) เป็นการสั่งให้ Browser หยุดอ่านเว็บเพจหน้าที่คุณกำลังเรียกใช้


9. แถบกดเพื่อไม่แสดงแถบรายการต่างๆ เป็นการซ่อนแถบรายการเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ และหากต้องการใช้งานก็ให้กดที่แถบกดอีกครั้ง

10. Personal Tool เป็นแถบรายการส่วนตัวของผู้ใช้ ใช้ในการจัดหมวดหมู่เว็บไซต์
11. แถบรายชื่อสถานี (Channels) ซึ่งเป็นการเข้าสู่สถานเว็บของค่าย Netscape
12. แถบตำแหน่งเว็บไซต์ (Address)
สำหรับพิมพ์ตำแหน่งของเว็บไซต์ที่ต้องการติดต่อ โดยปกติจะนำหน้าด้วย http://www.ชื่อเว็บไซต์.domainname

Home Page คือ



โฮมเพจ (Home Page)โฮมเพจ คือเว็บเพจหน้าแรกที่เป็นหน้าดัชนีหรือรายการที่บอกรายละเอียดของเว็บไซต์นั้น ๆ เราอาจจะเปรียบโฮมเพจเหมือนหน้าบ้านของเว็บไซต์ก็ได้

webpage คือ



เว็บเพจ (webpage) หมายถึง หน้าหนึ่ง ๆ ของเว็บไซต์ ที่เราเปิดขึ้นมาใช้งาน โดยทั่วไป เว็บเพจส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของเอกสาร HTML หรือ XHTML (ซึ่งมักมีนามสกุลไฟล์เป็น htm หรือ html) มีลิงก์สำหรับเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น ๆ สามารถใส่รูปภาพและรูปภาพยังสามารถเป็นลิงก์ กล่าวคือสามารถคลิกบนรูปเพื่อกระโดดไปหน้าอื่นได้ นอกจากนี้ยังสามารถใส่แอพเพล็ต (applet) ซึ่งเป็นโปรแกรมขนาดเล็กแสดงภาพเคลื่อนไหว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ หรือสร้างเสียง ได้อีกด้วย โปรแกรมที่ใช้เปิดดูเว็บเพจ เรียกว่า เว็บเบราว์เซอร์ ตัวอย่างเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นที่นิยม เช่น อินเทอร์เน็ตเอ็กซ์พลอเรอร์, Netscape, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์, และ ซาฟารี เป็นต้น โปรแกรมสำหรับสร้างเว็บเพจ เช่น โปรแกรม Macromedia Dreamweaver , PHP & MySQL , Flash Professional เป็นต้น

Website คือ








เว็บไซต์ คืออะไร
เว็บไซต์เว็บไซต์ (Web Site) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน ตามหลักคำว่า เว็บไซต์จะใช้สำหรับผู้ที่มีคอมพิวเตอร์แบบเซิร์ฟเวอร์หรือจดทะเบียนเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่น www.google.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลเป็นต้น


สรุป เว็บไซต์ คือ ชื่อเรียกหรือที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการเว็บเพจ คือ หน้าแต่ละหน้าที่มีการเชื่อมโยงถึงกันโฮมเพจ คือ หน้าแรกที่เข้าสู่เว็บไซต์นั้น ๆ



ส่วนประกอบของเว็บเพจที่สำคัญ มีดังนี้
1. ข้อความ (Text) ได้แก่ ตัวอักษร ตัวเลข ซึ่งอาจเป็นภาษาอังกฤษ ไทย หรือภาษา อื่น ๆ ก็ได้
2. กราฟิก (Graphics) ได้แก่ ภาพวาดและรูปภาพต่าง ๆ
3. มัลติมีเดีย (Multimedia) ได้แก่ ภาพเคลื่อนไหว ภาพวีดิทัศน์ เสียง
4. ลิงก์ (Link) ข้อความหรือรูปภาพที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยัง เว็บเพจอื่น ๆ ได้ เราสามารถตรวจสอบได้ว่าส่วนใดเป็นลิงก์โดยนำเมาส์ไปนี้สัญลักษณ์เมาส์จะเปลี่ยนเป็นมือ ? แสดงว่าส่วนนั้นเป็นลิงก์

หลักการออกแบบเว็บเพจ

หลักการออกแบบเว็บเพจ
การออกแบบและพัฒนาเว็บเพจ สามารถทำได้หลายระบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูล ความชอบของผู้พัฒนา ตลอดจนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการนำเสนอ เช่น หากกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กวัยรุ่น และนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความบันเทิง อ า จจะออกแบบให้มีทิศทางการไหลของหน้าเว็บที่หลากหลายใช้ลูกเล่นได้มากกว่าเว็บที่นำเสนอให้กับผู้ใหญ่ หรือเว็บด้านวิชาการ ทั้งนี้หลักการออกแบบเว็บเพจ สามารถแบ่งได้สามลักษณะ คือ
แบบลำดับขั้น ( Hierarchy ) เป็นการจัดแสดงหน้าเว็บเรียงตามลำดับกิ่งก้าน แตกแขนงต่อเนื่องไปเหมือนต้นไม้กลับหัว เหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูล ที่มีการแบ่งเป็นหมวดหมู่ที่ไม่มากนัก และมีข้อมูลย่อยไม่ลึกมาก เช่นเว็บไซต์แนะนำประวัติส่วนตัว ที่มีข้อมูล 4 - 5 หน้าเป็นต้น
แบบเชิงเส้น ( Linear ) เป็นการจัดแสดงหน้าเว็บเรียงต่อเนื่องไปในทิศทางเดียว เหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูลที่เป็นรูปภาพ เช่นเว็บไซต์นำเสนอสไลด์จาก Microsoft PowerPoint
แบบผสม ( Combination ) เป็นการจัดหน้าเว็บชนิดผสมระหว่างแบบลำดับขั้น และแบบเชิงเส้น มักจะเป็นแบบที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถควบคุมการนำเสนอและการเรียกดูได้สะดวก และรวดเร็ว

Web 2.0

What Is Web 2.0
(Web 2.0 คือ?)
หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า Web 2.0 กันมามากมาย แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมมันต้องเป็น
2.0 เป็น 2.1, 3.11 หรือ 2007 ไม่ได้เหรอ บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับความหมายของ Web 2.0 แต่ก็
หวังว่าคงทำให้หลายๆคนมองเห็นภาพรวมได้มากยิ่งขึ้น
Web 2.0 จริงๆแล้วก็คือการให้ความหมายของสิ่งที่เปลี่ยนไปของเทคโนโลยีเว็บไซต์ ซึ่งก็
เหมือนกับที่สมัยก่อน เราเปลี่ยนจากทีวีขาวดำมาเป็นทีวีจอสี โดยกำหนดตัวเลขว่าเป็น generation ที่ 2
ของเว็บนั่นเอง สิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Web 2.0 นั้นก็ เช่น AJAX, Blog, Feeds, Podcast, Social
networking ฯลฯ โดย Web 2.0 application จะคุณสมบัติดังต่อไปนี้
ให้ความสำคัญกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ โดยที่ผู้เข้าชมเว็บไซต์จะมีส่วนร่วมต่อเว็บไซต์มากขึ้น
ไม่ใช่แค่เข้ามาชมเว็บไซต์ที่เจ้าของเว็บจัดทำขึ้นเท่านั้น ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถสร้าง content ของ
เว็บไซต์ขึ้นมาได้เองหรือสามารถ tag content ของเว็บไซต์ (คล้ายๆการกำหนด keyword ที่เกี่ยวข้องกับ
content โดยผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็นผู้กำหนดขึ้น) ตัวอย่างเช่น Digg, Flickr, Youtube , Wiki
Web 2.0 application จะมีคุณสมบัติที่เรียกว่า RIA (Rich Internet Application) นั่นคือ Web 2.0
application จะมี user interface ที่ดียิ่งขึ้น เช่น คุณสมบัติ drag & drop ซึ่งเราใช้กับใน desktop
application ทั่วๆไปก็สามารถใช้ได้บนเว็บเช่นกัน โดยเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการสร้าง RIA เช่น AJAX,
Flash คุณสมบัติที่เรียกว่า mash-up ก็เป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของ Web 2.0 application นั่นก็คือการ
ที่เราสร้าง Web application ขึ้นมาสักตัวหนึ่ง แล้วเราสามารถเปิด service ของ Web application ให้คน
อื่นๆสามารถมาใช้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ผมสร้าง Web application เกี่ยวกับระบบการซื้อขายสิ้นค้า online
ขึ้นมาโดยผมสามารถ mash-up ระบบของผมเข้ากับ Google maps ได้อย่างง่ายดายเพื่อที่จะทำ Web
application ของผมนั่นมีความสามารถในการ ซื้อขายสินค้า online แล้วยังสามารถคำนวณระยะทางและ
เวลาในการขนส่งสินค้าไปให้ลูกค้า รวมทั้งสามารถพิมพ์แผนที่เส้นทางได้ โดยที่ผมไม่ต้องสร้าง
Application สำหรับสร้างแผนที่ขึ้นมาเองเลย โดยเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องคือ Feeds, RSS, SOA, Web
services

ดูแลตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และจอภาพ

ดูแลตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และจอภาพ
เครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อใช้งานไปนานๆ จะมีฝุ่นละอองมาสะสม
ที่ตัวเครื่องทั้งภายในและภายนอกเครื่อง ดังนั้น จึงควรจะหันมาใส่ใจทำ
ความสะอาดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ จอภาพ เมาส์ คีย์บอร์ด รวมทั้ง
ลำโพง โดยใช้ผ้าแห้งๆ เช็ดเก็บฝุ่นละออง หรืออาจใช้เครื่องดูดฝุ่นดูด
เอาเศษฝุ่นต่างๆที่ติดอยู่ในร่องต่างๆ สำหรับจอภาพอาจใช้ผ้าชุบน้ำ บิดให้แห้งหมาดๆ เช็ดทำ
ความสะอาด หรือใช้เช็ดด้วยน้ำยาที่ออกแบบมาสำหรับทำความสะอาดจอภาพ
ส่วนภายในเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีฝุ่นมาเกาะ โดยเฉพาะบริเวณพัดลมระบาย
ความร้อนจะมีฝุ่นเกาะค่อนข้างมาก ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนลดลง ใน
การทำความสะอาดภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ควรให้ผู้ที่มีความชำนาญทำความสะอาดภายใน
เครื่องคอมพิวเตอร์
ทำความสะอาดไฟล์ที่ไม่จำเป็นภายในฮาร์ดดิสก์
ไฟล์ต่างๆที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ติดตั้งวินโดวส์ เมื่อใช้ไปนานๆจะต้องมีไฟล์
ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่จำเป็นไฟล์ที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราว (Temporary Files) โดยจาก
โปรแกรมต่างๆ หรือไฟล์ของเว็บไซต์ (Temporary Internet Files) ที่เราได้เข้าไปเยี่ยมชม
รวมทั้งไฟล์ที่อยู่ในถังขยะ (Recycle Bin) หลังจากที่ลบไฟล์ทิ้ง หากเราไม่ทำความสะอาดหรือ
กำจัดไฟล์เหล่านี้ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อไฟล์เหล่านี้มีจำนวนมาก ทำส่งผลให้
ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ลดลง ดังนั้นจึงหมั่นลบไฟล์เหล่านี้ทิ้ง โดยใช้
โปรแกรม Disk Cleanup ที่มากับวินโดวส์ ซึ่งอยู่ที่ Accessories -> System Tools